เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานที่ดินสาขาอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย นายนิยม สุวรรณประภา หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย (กฟก.) ได้เป็นสักขีพยานในการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาซื้อขายที่ดิน ระหว่าง ธนาคารฯกสิกรไทย โดยนางสาวธันยรัตน์ เที่ยวประดิษฐา ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก ธนาคารฯกสิกรไทย กับนายทองคำ ยะแสง เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กลุ่มเกษตรกรทำนาเชียงเคี่ยน โดยเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาซื้อขายที่ดิน จากธนาคารฯกสิกรไทย เป็นกรรมสิทธิ์ของนายทองคำ ยะแสง ที่ดินเนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน 30 ตารางวา รวมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านพักอาศัยไม้ชั้นเดียว
โดยนายนิยม กล่าวภายหลังการโอนที่ดินว่า กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยเกษตรกรรายนี้ได้มายื่นเรื่องขอความช่วยเหลือ กับ สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดเชียงราย เพื่อขอให้ช่วยเจรจาซื้อที่ดินคืนจากธนาคารฯ หลังจากเกษตรกรได้นำที่ดินไปค้ำประกันการกู้ยืมเงินกับทางธนาคารฯกสิกรไทย เมื่อปี พ.ศ.2535 และถูกธนาคารฯฟ้องร้องดำเนินคดี จนที่ดินถูกขายทอดตลาด และธนาคารฯกสิกรไทย เป็นผู้ซื้อที่ดินไว้ เมื่อปี 2550 โดยเกษตรกรมีความประสงค์ขอซื้อที่ดินคืนและชำระหนี้ด้วยตนเอง ตามแนวทางและหลักเกณฑ์การจัดการหนี้เกษตรกรของสมาคมธนาคารไทย ที่ได้ทำ MOU ไว้กับสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยสมาคมธนาคารไทย ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ.) เรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรเพื่อให้การจัดการแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ.2542 ซึ่งสมาคมธนาคารไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์การขายที่ดินคืนให้กับเกษตรกร เท่ากับราคาที่สถาบันการเงินซื้อที่ดินมาจากการขายทอดตลาด
“สำหรับเกษตรกรรายนี้ธนาคารฯกสิกรไทย ตกลงขายที่ดินคืนให้ในราคา 166,116 บาท ซึ่งเป็นราคาเท่ากับที่ธนาคารฯกสิกรไทย ได้ซื้อที่ดินมาจากการขายทอดตลาด ทำให้เกษตรกรสามารถลดภาระในการชำระหนี้สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากธนาคารฯขายที่ดินคืนในราคาที่ธนาคารฯกำหนด เกษตรกรต้องแบกรับภาระหนี้สินเป็นจำนวนเงินที่สูงมากกว่านี้อย่างแน่นอน” นายนิยม กล่าว.