วันที่ 21 ส.ค.63 รายงานข่าวจากชายแดนไทย-สปป.ลาว ติดแม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงรายแจ้งว่า เรือแม่โขงเดลต้า ซึ่งเป็นเรือท่องเที่ยวแม่น้ำโขงสัญชาติไทยลำแรกในแม่น้ำโขง หนัก 107 ตันกรอส ยาว 40 เมตร กว้าง 5.50 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้ 120 ที่นั่ง ยังคงมีสภาพจมอยู่ในแม่น้ำโขงริมฝั่งหมู่บ้านป่าสักหางเวียง หมู่ 3 ต.เวียง อ.เชียงแสน หลังจากประสบเหตุล่มลงเพราะฝนตกหนักและเชือกมัดริมฝั่งหลุดเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถกู้เรือขึ้นมาบนฝั่งได้เนื่องจากมีน้ำหนักมากและระดับน้ำยังลึก
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เช่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย ทหารกองกำลังผาเมือง ฝ่ายปกครอง ฯลฯ ได้หยุดการชักลากหรือยกเรือชั่วคราวหลังจากมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิเศษเพื่อกู้เรือท่องเที่ยวดังกล่าวที่ริมฝั่งและได้ประเมินว่าไม่สามารถนำขึ้นฝั่งได้ ล่าสุดทำได้เพียงผูกเรือให้ติดกับฝั่งและนำถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรประมาณ 50 ถังมาผูกโยงกับเรือเอาไว้เพื่อกันเรือเอียงและตะแครงข้างเหมือนเดิม และนำป้ายไปติดเอาไว้เพื่อไม่ให้เข้าใกล้เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย
ร่วมสนุ่นข่าวโดย
ล่าสุดพบว่าระดับน้ำมีแนวโน้มจะเพิ่มมากกว่าเดิม เนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่จีนตอนใต้ ทำให้ในวันเดียวกันนี้ทางการจีนได้ปล่อยน้ำจากเขื่อนจี่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ลงสู่ท้ายน้ำในอัตรา 1,594 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำบริเวณหน้าที่ว่าการ อ.เชียงแสน ห่างจากจุดเรือล่มเล็กน้อยลึกถึงระดับ 4.69 เมตรแล้ว ขณะที่เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2563 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงราย วัดระดับได้ลึกประมาณ 3.99 เมตร
น.ส.ผกายมาศ เวียร์รา รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย และกรรมการผู้จัดการบริษัทแม่โขงเดลต้าทราเวล เอเจนซี่ จำกัด เจ้าของเรือแม่โขงเดลต้า เปิดเผยว่า ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำโขงโดยเฉพาะเหนือเขื่อนจิ่งหงขึ้นไปสูงมากและยังมีแนวโนมจะเพิ่มระดับขึ้นอีก ทำให้มีการระบายน้ำลงมามากจนส่งผลต่อความลึกของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน อ.เชียงแสน ดังกล่าว ทำให้จากการที่ หน่วยซีลของกองทัพเรือ สถานีเรือเชียงแสน นรข.เขตเชียงราย ได้ดำสำรวจสภาพรอบเรือแล้วพบว่าหากเข้าใกล้เรือจะมีอันตรายมากเพราะเกิดกระแสน้ำวนที่ดูดสิ่งที่อยู่รอบเข้าไปได้
ดังนั้น จึงได้ใช้ถังน้ำมันประคองเรือเอาไว้และตนคาดว่าหากโชคดีอาจจะรอให้น้ำลดลงเหลือระดับประมาณ 2.50 เมตรแล้วจึงทำการยกด้านหลังเรือขึ้นเพื่อนำเครื่องสูบน้ำเข้าไปสูบน้ำออกได้ก่อนจะพยุงให้เรือลอยลำได้ต่อไป ซึ่งก็คาดว่าอาจจะเป็นช่วงเดือน ธ.ค.ปีนี้หรือเดือน เม.ย.2564