เชียงราย พบติดโควิด 2 ราย รอผลอีก 4 ราย บ่ายวั

แชร์ข่าว

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกันแถลงผลการตรวจพบเชื้อผู้ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงราย ว่าขณะนี้ไพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นผู้หญิงจำนวน 2 คน อายุ 26 ปีชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และ 23 ปีชาว จ.พะเยา

โดยทั้งคู่มีประวัติไปทำงานที่สถานบันเทิงเดียวกันใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เดินทางกลับประเทศไทยด้วยการลักลอบข้ามฝั่ง ลักลอบข้ามมาพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยต่อมาทราบข่าวว่าเพื่อนผู้หญิงอายุ 29 ปีที่ จ.เชียงใหม่ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หญิงสาวที่มีอายุ 26 ปีเกิดความกลัวจึงได้เดินทางไปขอตรวจโรคที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองเชียงราย ก็ปรากฎว่าพบเชื้อจึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนก็ตามไปตรวจสอบผู้หญิงที่มีอายุ 23 ปีที่ยังพักอยู่ที่โรงแรมโดยไม่ออกไปไหน เมื่อนำมาตรวจหาเชื้อก็พบว่าติดเชื้อเช่นเดียวกัน

นายประจญ กล่าวว่า ทั้ง 2 รายนี้ อยู่ในการดูแลของแพทย์ ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว และทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ติดตามขยายผลไปถึงกลุ่มคนใกล้ชิดสัมผัสอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การพบเชื้อดังกล่าวไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายเพราะเชียงรายเป็นเมืองชายแดน ทำให้จังหวัดเคยทำแผนซ้อมเผชิญเหตุพื้นที่ อ.แม่สาย มาแล้วกระทั่งพบผู้ติดเชื้อดังกล่าวแต่ไม่ได้เกิดจากภายในจังหวัด แต่เกิดจากคนไทยด้วยกันที่ลักลอบข้ามไปทำงานในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แล้วลักลอบข้ามกลับมา

“ในขณะที่มีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านนั้น ทางกองกำลังผาเมืองก็ได้วางกำลังเพิ่มเติมอีก 7 ชุดปฏิบัติการ ทาง จ.เชียงราย และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็สามารถจับกุมคนลักลอบเดินข้ามลำน้ำสายมาได้อีก 3 คน จึงนำตัวเข้าสู่กระบวนการกักตัวแล้ว รวมทั้งมีการประสานผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น (ทีบีซี) เพื่อขอให้มีการติดหาตัวคนไทยที่ตกค้างซึ่งไม่ทราบจำนวนที่ชัดเจนเพราะเป็นการลักลอบข้ามไป เพื่อให้ทั้งหมดกลับสู่ประเทศไทยในช่องทางปกติเพื่อจะได้นำไปกักดูอาการและตรวจหาเชื้อให้ฟรีภายใต้แนวทางการป้องกันการระบาดไม่ใช่การดำเนินคดี” นายประจญ กล่าว

นายแพทย์ทศเทพ กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยทั้ง 2 รายนั้น ได้ข้ามไปทำงานในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.2563 และลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยพร้อมกันระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.โดยมีประวัติแตกต่างจากหญิงสาวที่ติดเชื้อที่ จ.เชียงใหม่ เพราะหลังจากข้ามมาแล้วก็พักที่โรงแรมโดยไม่ออกไปไหน และเมื่อดูข่าวก็พบเพื่อนที่ทำงานด้วยกันในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านป่วยเพราะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประกอบกับตัวเองก็เริ่มมีอาการป่วย ในวันที่ 28 พ.ย.จึงได้ว่าจ้างรถจักรยานยนต์รับจ้างให้พาไปส่งที่โรงพยาบาลเอกชนใน อ.เมืองเชียงราย ก็ตรวจพบเชื้อและถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเชียงรายนุเคราะห์เพื่อตรวจหาเชื้อก็พบผลเป็นบวกทั้ง 2 ครั้งคือในเวลาบ่ายของวันที่ 29 พ.ย.และเวลา 03.00 น.วันที่ 30 พ.ย.2563 ต่อมาวันที่ 29 พ.ย.เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไปตรวจก็พบผลบวกทั้ง 2 ครั้งเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา

“สำหรับเส้นทางของทั้ง 2 ราย ถือว่าไม่มากเพราะหลังจากลักลอบเข้ามาประเทศไทยก็พักอยู่ที่โรงแรม ทำให้มีผู้สัมผัสที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำรวมกันทั้งหมดจำนวน 26-30 คน เช่น พนักงานโรงแรม จักรยานยนต์รับจ้าง เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ฯลฯ และสาเหตุที่ตัวเลขยังไม่นิ่งเนื่องจากผู้หญิงอายุ 23 ปีเคยสั่งอาหารไปที่ห้องจึงอยู่ระหว่างติดตามหาตัวคนรับส่งอาหารดังกล่าวอยู่จึงทำให้กลุ่มเสี่ยงทั้งหมดมีไม่เกิน 30 คนดังกล่าว โดยเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ 25-26 คน และเสี่ยงสูงมีจำนวน 4 คนซึ่งได้ทำการตรวจหาเชื้อและผลจะออกมาในบ่ายวันที่ 30 พ.ย.2563 นี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าทั้งคู่ให้การว่าไม่ได้ออกนอกเส้นทางที่แจ้งทั้งชาวเชียงรายและพะเยา” นายแพทย์ทศเทพ กล่าว.

ข่าวอื่นๆ