วันนี้ 16 มกราคม 64 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ. ที่3(บ้านโป่ง) กรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีอส.ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่กรม อุทยานฯ ให้ป้องกันและปราบปรามการค้าสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองที่ผิดกฎหมาย โดยให้เข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า ตามนโยบาย ทส.ยกกำลังสองบวกสี่
นายนิพนธ์ฯ กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งว่า นายโสภน คนอยู่ เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง “เบี้ยว อาหารป่า” ในบริเวณตลาดสดชื่อดัง ฟิช วิลเวจ ตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โพสต์ผ่าน Facebook ขายอาหารป่าตามสั่ง เก้ง กวาง นกคุ้ม ฯลฯซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
นายนิพนธ์ฯเห็นว่าโฆษณาดังกล่าว เป็นการส่งเสริมให้เกิดค่านิยมในการบริโภคเนื้อสัตว์ป่า มีผลทางอ้อมทำให้เกิดการล่าสัตว์ป่ามาขายเพื่อนำมาประกอบอาหารในร้านค้า ทำให้สัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง บางชนิดใกล้สูญพันธุ์เพราะค่านิยมในการบริโภคอาหารสัตว์ป่าที่ผิดๆจากการโฆษณา ดังกล่าว
เมื่อวานนี้ 15 ม.ค ตนเองจึงได้มอบหมายให้ นายปรารภ ปฐมเพทาย เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงานเจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่ากับพวก ให้ไปตรวจสอบและประชาสัมพันธ์ตักเตือน ร้านขายอาหารป่าตามสั่งดังกล่าว โดยได้แจ้งให้เจ้าของร้านอาหารป่าตามสั่ง ดังกล่าวทราบว่า เนื้อ หรือซากสัตว์ป่า เก้ง กวาง นกคุ้ม เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ผู้ใดขายหรือขายเพื่อนำไปประกอบอาหารตามสั่ง มีความผิดตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 29โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
และลูกค้าที่มีรสนิยมบริโภคอาหารสัตว์ป่า ผู้สั่งอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อหรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง เก้ง กวาง นกคุ้ม มารับประทาน ก็มีความผิดตามมาตรา 17 พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ฐานมีไว้ครอบครองเนื้อหรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยมิได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือ
ทั้งจำและปรับ
และถึงแม้นำซากสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวไปประกอบเป็นอาหารแล้วก็ตาม ก็สามารถตรวจDNA ได้อีก หากตรวจ DNA แล้วพบว่าเป็นประเภทเนื้อสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่สัตว์ป่าคุ้มครอง เจ้าของร้านอาหารตามสั่งดังกล่าว ก็จะถูกดำเนินคดีฐานหลอกลวงการขายตามกฏหมายระวางโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6หมื่นบาท และ ความผิดหลอกลวงผู้บริโภค ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5หมื่นบาท
ซึ่งทางเจ้าของร้าน ก็ได้เข้าใจเป็นอย่างดี โดยให้เวลาแก้ไขป้ายโฆษณาให้ถูกต้องใน 1 วันและให้ช่วยประชาสัมพันธ์บอกต่อร้านอาหาร อื่นๆและลูกค้าให้ทราบโดยทั่วกันต่อไปด้วย
วันนี้ 16 มค.ตนเองจึงได้ปลอมตัวไปเป็นลูกค้าไปตรวจสอบ ร้านค้าอาหารป่าดังกล่าว พบว่า นายโสภณ คนอยู่ เจ้าของร้านดังกล่าว ได้ทำการปิดข้อความ กวาง เก้ง นกคุ้ม ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
ออกไปจนหมด รวมทั้งปิดข้อความคำว่า”ป่า”ให้เหลือข้อความ ร้านอาหารตามสั่ง “เบี้ยว อาหาร & ตามสั่ง” แต่เพียงอย่างเดียว
นายนิพนธ์ฯ ยังกล่าวต่อไปว่า สำหรับนิยามของ “ซากสัตว์ป่า” ตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 4 ซากสัตว์ป่า หมายความว่า ร่างกาย หรือส่วนของร่างของสัตว์ป่าที่ตายแล้ว หรือเนื้อของสัตว์ป่าไม่ว่า จะได้ปิ้ง ต้ม ลม ย่าง ตากแห้ง มัก ดอง หรือทำอย่างอื่น ฯลฯ เพราะฉะนั้นการนำไปประกอบอาหาร ถึงแม้จะนำเนื้อ หรือซากสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครองไป ผัด ปิ้ง ต้ม ยำ ย่าง อื่นๆ แล้วก็ตาม ในทางกฎหมายก็ถือว่า เป็นเนื้อ หรือซากสัตว์ป่า อยู่
จึงขอเตือนร้านอาหาร ทั้งหลายว่า การเอาเนื้อสัตว์ป่าสงวน หรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ไปประกอบเป็นอาหารตามสั่ง เจ้าของร้านอาหาร และลูกค้า ก็มีความผิดตามกฎหมาย พรบ.สงวนและคุ้มครอง พ.ศ. 2562 ซึ่งมีโทษหนักจำคุก และปรับ จึงขอให้ร้านอาหาร และลูกค้าที่มีรสนิยมบริโภคสัตว์ป่าทั้งหลาย ขอให้เลิกรสนิยมในการบริโภคอาหารสัตว์ป่าเสีย นอกจากจะมีโทษหนักแล้ว ยังเป็นการรักษาชีวิตสัตว์ป่า ให้คงความสมดุลในธรรมชาติ เพื่อลูกหลานในอนาคตของชาติไทยต่อไปอีกด้วย