Post Views: 73
เมื่อวันที่ 17พฤษภาคม2561 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ตรวจเยี่ยมการพัฒนาการศึกษาของเทศบาลนครเชียงราย ที่โรงเรียนเทศบาล6นครเชียงราย โดยมี นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำผู้บริหารโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมให้ข้อมูล ซึ่งนายสุทธิพงษ์ได้รับทราบข้อมูลว่าในปัจจุบันเทศบาลนครเชียงรายประกอบไปด้วยโรงเรียนที่สังกัดจำนวน 8 โรงเรียน ศูนย์พัฒนเด็กเล็ก 1 แห่ง มหาวิทยาลัยเพื่อผู้สูงวัย 1 แห่ง มีนักเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษารวมกันประมาณ 4,000 คน และระดับมัธยมศึกษาประมาณ 4,000 คน นโยบายของเทศบาลเน้นการพัฒนาให้เชียงรายเป็นนครแห่งการศึกษาจึงมีการทุ่มงบประมาณไปเพื่อการศึกษามากเป็นอันดับ 1 มาตลอด 20-30 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีโครงการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กเรียนดีก้าวสู่การเรียนระดับอุดมศึกษา เช่น แพทย์ วิศวกร แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับต่างประเทศเพื่อให้ก้าวสู่ความเป็นสากล เป็นต้น
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่าการพัฒนาการศึกษาของเทศบาลนครเชียงรายนั้นแทบไม่ต้องเพิ่มเติมสิ่งใดเพราะทำได้ดีอย่างมากและกลับทำให้ต้องขบคิดว่าจะทำให้การพัฒนาในรูปแบบเดียวกับเทศบาลนครเชียงรายขยายไปยังท้องถิ่นอื่นๆ ได้อย่างไรอีกด้วย กระนั้นในการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก็มีนโยบายเพื่อขอให้ทุกท้องถิ่นทั่วประเทศจำนวน 7,851 แห่ง ได้ร่วมกันปฏิบัติคือการจัดสรรพื้นที่สำหรับการอ่านหนังสือแก่นักเรียนให้มากขึ้น เพราะสถิติการอ่านของคนไทยยังน้อยซึ่งการอ่านน้อยทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเข้าถึงปัญญาแต่หากคนอ่านหนังสือมากขึ้นก็จะทำให้เข้าถึงเหตุผลซึ่งจะเป็นผลดีต่อสังคมไทยได้
นอกจากนี้ยังขอน้อมนำเอาบทประพันธ์พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าตอนหนึ่งว่าการศึกษาทำให้มีทรัพย์ติดตัว ดังนั้นกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจึงขอให้โรงเรียนสังกัดท้องถิ่นได้ส่งเสริมเรื่องทักษะความรู้แก่นักเรียนนอกเหนือไปจากการเรียนรู้วิชาการทั่วไปด้วย เช่น ความสามารถด้านดนตรี อาชีพ เพื่อให้เด็กได้มีทักษะติดตัวเมื่อจบการศึกษาออกไป
อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวด้วยว่าปัจจุบันรัฐบาลกำหนดให้การจัดการขยะเป็นวาระแห่งชาติ ตนจึงเห็นว่าแต่ละโรงเรียนควรแบ่งขยะออกเป็น 3 ส่วนคือขยะเปียก ขยะแห้งและขยะพิษ เพื่อให้บริหารจัดการได้และไม่ทำให้เกิดขยะเน่าเหม็นแล้วให้รถขยะเทศบาลไปเก็บครั้งละมากๆ เหมือนในอดีต และเนื่องจากได้รับทราบข้อมูลจากเครือข่ายผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ 3 รายใหญ่ของประเทศไทยว่าในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเก่าที่หมดอายุกระจายอยู่ทั่วประเทศรวมกันจำนวนประมาณ 200 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากดังนั้นจึงมีได้มอบหมายให้ท้องถิ่นทั้ง 7,851 แห่ง ช่วยกันจัดเก็บมาส่งให้กับเอกชนที่รับจัดเก็บเพื่อนำไปกำจัดให้ถูกวิธี
เฉพาะท้องถิ่นเราตั้งเป้าให้ได้ประมาณ 3 ล้านเครื่องโดยมีระยะเวลาดำเนินการประมาณ 1 เดือนเศษ หรือทำกันตั้งแต่วันนี้ไปถึงวันที่ 15 มิ.ย.นี้ โดยจะมีถุงเก็บชนิดพิเศษที่สามารถส่งไปให้เอกชนได้โดยสะดวก เมื่อได้ครบ 3 ล้านเครื่องเอกชนเขาก็จะมีงบประมาณให้จำนวน 10 ล้านบาทซึ่งเราสามารถนำมาจัดซื้อหนังสือคุณภาพดีไปให้เด็กๆ ได้ต่อไป
สำหรับเทศบาลนครเชียงรายมีโรงเรียนในเครือข่ายถึง 8 แห่ง สามารถขยายการรณรงค์ทั้งนักเรียนและผู้ปกครองได้เป็นอย่างดีและหากรวบรวมโทรศัพท์มือถือเก่าได้จำนวนมากก็จะช่วยลดขยะประเภทนี้ลงและยังเกิดผลดีต่อการส่งเสริมการอ่านอีกด้วย เพราะจะมีเอกชนร่วมบริจาคหนังสือโดยไม่ให้เป็นเงินสดอีกมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทเท่ากันด้วย ดังนั้นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนับตั้งแต่วันนี้คือไปรณรงค์และจัดเก็บพร้อมแจ้งจำนวนและน้ำหนักของโทรศัพท์มือถือให้กรมได้รับทราบด้วย
นายสุทธิพลษ์ กล่าวในตอนท้ายว่านอกจากนี้ขอให้ทุกท้องถิ่นได้ไปจัดหาพื้นที่สาธารณะเพื่อให้พัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียว โดยเน้นไปที่ต้นไม้ยืนต้นโดยไม่จำกัดจำนวนพื้นที่ เพื่อสนองพระราชดำริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีกำหนดให้แล้วเสร็จพร้อมกันในวันที่ 28 ก.ค.นี้ต่อไป.
///