นายกฯ ตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหาในพื้นที่ ณ ด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 อ.แม่สาย จ.เชียงราย พูดคุยประเด็นการค้าชายแดน ยาเสพติด กลุ่มชาติพันธุ์ ยืนยันรัฐบาลพร้อมผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและถาวร ผ่านระบบการค้าระหว่างประเทศ
วันที่ 15 ก.ย. 66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาตรวจเยี่ยมและรับฟังปัญหาในพื้นที่ ณ อาคารศูนย์บริหารเบ็ดเสร็จ ด่านพรมแดนแม่สายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อพูดคุยประเด็นการค้าชายแดน (NEC) และยาเสพติด รวมทั้งรับฟังประเด็นปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมตรวจเยี่ยมครั้งนี้ด้วย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีและคณะได้ไปตรวจเยี่ยมบริวณสะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 ด่านพรมแดนไทย-เมียนมา รวมทั้งตรวจเยี่ยมด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากรแม่สาย และรับทราบรายงานสภาพปัญหาน้ำท่วม ณ บริเวณสะพานดังกล่าวจากนายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสวัสดีและทักทายประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง รวมทั้งนายกรัฐมนตรียังได้โบกมือทักทายประชาชนฝั่งเมียนมาด้วยซึ่งประชาชนฟังเมียนมาก็โบกมือทักทายกลับมาเช่นกัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้พบปะกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ได้แก่ เผ่าอาข่า เผ่าลีซอ เผาลาหู่ เผ่าปกาเกอะยอ เผ่าลัวะ ฯลฯ พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการผ้าไทยของกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ผ้าปักชนเผ่าไตหย่า ผ้าปักด้วยมือบ้านสันกอง ผ้าไทลื้อ และเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ก่อนรับฟังและพูดคุยประเด็นการค้าชายแดน (NEC) และยาเสพติด จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชน อาทิ หอการค้า สำนักงาน ป.ป.ส. รวมทั้งรับฟังประเด็นปัญหาและข้อเสนอของกลุ่มชาติพันธุ์จากตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ เพื่อให้รัฐบาลหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวต่อไป โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ด่านศุลกากรแม่สาย ด่านศุลกากรเชียงของ ด่านศุลกากรเชียงแสนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวดีใจที่เดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดเชียงรายได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น จากทุกภาคส่วนทั้งประชาชนและหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ จังหวัดเชียงรายเป็นจุดการค้าสำคัญจุดหนึ่งของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการขนถ่ายสินค้าจากหลายจังหวัด เรื่องการท่องเที่ยว เรื่องการเกษตรด้วย ทั้งนี้ ทราบดีว่าปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติดอบายมุขทั้งหลาย ตรงนี้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ ปัญหาสังคมก็เป็นปัญหาใหญ่ แต่ตรงนี้เป็นเพียงจุดหนึ่งของปัญหา ซึ่งชายแดนถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ต้องบริหารจัดการให้ดี ดังนั้น จึงอยากรับฟังความคิดเห็น หากมีอะไรที่จะนำไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังรับฟังความคิดเห็นจากหอการค้า ที่นำเสนอประเด็นปัญหา การค้าชายแดน และPM 2.5 โดยประเด็นเรื่องการลงทุนด้านการคมนาคมว่า จะต้องขอความเห็นใจจากภาคเอกชน เพราะภาครัฐบาลมีภาระด้านการลงทุน ด้านงบประมาณมาก แน่นอนว่าจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญ ข้อเสนอการตั้งคณะกรรมการทำงานร่วมระหว่างภาคเอกชนกับรัฐ ตรงไหนที่เราสามารถทำได้เร็ว เช่น ถนนไฮเวย์ระหว่างเชียงใหม่-เชียงรายที่มีอยู่แล้ว และพอใช้ได้ ถ้านำงบประมาณไปสร้างตรงนี้เพิ่มอีกก็จะไม่สามารถนำงบประมาณนี้ไปทำอย่างอื่นได้ ถ้ามีถนนสายอื่น ถ้ามีวิธีการอื่นที่เราสามารถทำให้การคมนาคมดีขึ้น เพื่อการค้าระหว่างประเทศดีขึ้น ในเรื่องโลจิสติกส์ทั้งหลาย ภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้น เพื่อตัดสินใจว่าจะทำอะไร หากขอมาทุกอย่างจะไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นงบประมาณค่อนข้างมาก
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการท่องเที่ยวเป็นเรื่องสำคัญที่เชื่อมโยงกับเรื่อง PM 2.5 ด้วย ซึ่งพลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะประกาศวาระแห่งชาติเรื่องการจัดการ PM2.5 ในเร็ว ๆ นี้ เราตระหนักและทราบถึงผลกระทบที่จะตามมาในช่วงไฮซีซั่นของปีหน้า ซึ่งทั้งเชียงรายและเชียงใหม่ค่อนข้างหนัก เพราะนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจะยกเลิกการเดินทางเข้ามา เมื่อเห็นว่า Top 10 ของโลกที่มี PM 2.5 สูงที่สุดอยู่ในเขตภาคเหนือ เป็นเรื่องที่โกหกกันไม่ได้ ทั่วโลกรับรู้ โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่าการทำงานร่วมกันของทุกฝ่าย หน่วยงานรัฐจะช่วยประสานและพยายามทำให้ปัญหานี้ดีขึ้นเร็วที่สุด ขณะที่เรื่องวีซ่าเป็นเรื่องของความมั่นคง ประเทศไทยรักสงบ ไม่ก้าวก่ายการปกครองภายในของประเทศใด เราผลักดันการค้าระหว่างชายแดนที่มีมูลค่าสูงมาก เชื่อว่าหากมีการยกระดับขึ้นไปได้อีก มูลค่าการค้าชายแดนจะสูงขึ้นไปได้อีกมากหลายเท่าตัว โดยในแง่ของการที่ทำให้คล่องตัวขึ้น ย้ำว่าในเรื่องการขอวีซ่าเป็นเรื่องความมั่นคงที่ต้องระมัดระวังให้ดี และรัฐบาลนี้มีความพร้อมในการผลักดันเศรษฐกิจให้โตอย่างยั่งยืนและถาวรผ่านระบบการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่าในวันที่ 7-9 ต.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปประเทศจีน อยากขอให้ผู้มีอำนาจฝ่ายมณฑลที่อยู่ติดกับชายแดน ให้เตรียมความพร้อม ในเรื่องของการเจรจาด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องทะเบียนชาติพันธุ์ เอกสารสิทธิ์ทำกินเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จึงขอสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เกิดผลทันที แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง และเกิดความเป็นธรรม พร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และภาคประชาชน และย้ำว่าปัญหาต่าง ๆ ที่ได้พูดคุยในวันนี้ ขอให้ถือเป็นการสั่งการ และให้ดำเนินการเรียนรู้ที่สุดเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนชาวไทย ประชาชนชาติพันธุ์ที่อยู่มายาวนาน