เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ได้มีผู้โพสต์ข้อความและภาพทางสื่อโซเชียล มีเนื้อหาว่าปัจจุบันร้านเชียงรายปัญญาฯ ซึ่งเป็นร้านกาแฟตั้งอยู่ตั้งอาคารพาณิชย์เลขที่ 193/4-5 หมู่บ้านร่องขุ่น หมู่ 1 ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ด้านหลังวัดร่องขุ่นซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญประสบปัญหา ถูกกันให้ย้ายไปอยู่ด้านหลังวัดห่างจากลานจอดรถออกไปประมาณ 60 เมตร ทำให้ขายสินค้าไม่ได้จึงขอให้นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนไปใช้บริการเพราะเป็นร้านของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาหรือเด็กพิเศษที่ต้องการความเมตตาจากสังคม ซึ่งหลังจากมีผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวได้ทำให้เริ่มมีนักท่องเที่ยวได้รับทราบพากันไปใช้บริการหนาตาขึ้นโดยภายในร้านมี 2 คูหาตั้งอยู่อาคารพาณิชย์เกือบท้ายสุดของถนนหลังวัดร่องขุ่น
ภายในร้านมีครูพี่เลี้ยงและเด็กพิเศษที่ได้รับการฝึกอบรมมาแล้วอย่างดีคอยให้บริการวันละ 4-5 คน แต่ละคนมีความสามารถในการชงกาแฟและชา โดยมีครูพี่เลี้ยง 1-2 คนดูแลให้บริการอย่างใกล้ชิดและจำหน่ายในราคาย่อมเยาว์แก้วละเพียง 30 บาท รวมทั้งยังบริการอาหารตามสั่งอีกด้วย ซึ่งภายในร้านมีโต๊ะเก้าอี้ประมาณ 7-8 โต๊ะ และด้านหน้ามีรถบัสกาแฟที่เหมาะกับการนั่งจิบช่วงที่ไม่มีแดดจัดหรือลมฝนอีกด้วย นอกจากนี้ในร้านยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฝีมือของเด็กพิเศษ เช่น ของที่ระลึก เครื่องประดับ กระเป๋าใบเล็ก ฯลฯ
นายกมล ดาระสุวรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเชียงรายปัญญานุกูล จ.เชียงราย กล่าวร้านดังกล่าวสร้างขึ้นเพื่อรองรับการเป็นศูนย์ฝึกปฏิบัติงานอาชีพนักเรียนของโรงเรียนเชียงรายปัญญานุกูล จ.เชียงราย เพราะโรงเรียนจะรับดูแลเด็กพิเศษเพียงแห่งเดียวของจังหวัดและยังมีเด็กๆ พิเศษจากทั่วภาคเหนือหรือบางคนอยู่ไกลถึงกรุงเทพฯ ไปเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปัจจุบันมีจำนวน 437 คน กว่า 90% เป็นคนเชียงราย และกว่า 70% เป็นคนบนพื้นที่สูง ซึ่งจบการศึกษาออกไปแล้วก็มักจะไม่สามารถไปเรียนต่อได้เพราะมีความบกพร่องทางสติปัญญา ทำให้โรงเรียนเน้นการเรียนการสอนด้านการฝึกอาชีพซึ่งปัจจุบันเปิดสอนกว่า 50 อาชีพ เพื่อให้เด็กๆ สามารถไปประกอบอาชีพพึ่งพาตัวเองได้เมื่อจบออกไปซึ่งที่ผ่านมาก็พบว่าหลายมีความสามารถทำได้โดยบางคนไปเปิดร้านกาแฟขายเอง บางคนแกะสลักผลไม้ได้เก่งมากจนโรงแรมว่าจ้างให้ไปทำงานด้วย เป็นต้น ดังนั้นโรงเรียนจึงได้เปิดร้านค้าดังกล่าวแต่เนื่องจากโรงเรียนอยู่ห่างจากวัดร่องขุ่นประมาณ 3 กิโลเมตรและห่างไกลชุมชน ตนจึงเห็นว่าสถานที่ที่เหมาะสมคือใกล้วัดร่องขุ่นเพราะมีนักท่องเที่ยวไปเยือนจำนวนมาก
นายกมล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้รับความอนุเคราะห์จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) จ.เชียงราย ให้เปิดร้านภายในที่ดินของ พมจ.บนถนนฝั่งตรงกันข้ามกับอุโบสถขาวของวัดร่องขุ่นซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดีโดยเด็กๆ มีฝีมือในการปรุงชาและกาแฟได้รวมทั้งให้บริการนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีทางโรงเรียนจึงจัดเด็กๆ ผลัดเปลี่ยนกันไปอยู่ร้านวันละ 4-5 คน และเนื่องจากเราไม่มุ่งหวังผลกำไรดังนั้นเมื่อหักต้นทุนแล้วเหลือกำไรก็แบ่งปันให้กับเด็กๆ ทุกคนเอาไปฝากธนาคารไว้ทำให้ที่ผ่านมาร้านมีรายได้ปีละเกิน 1 ล้านบาท และเด็กๆ ที่จบการศึกษาออกไปหลายคนได้รับเงินสะสมคนละ 20,000-30,000 บาทเป็นทุนในการใช้ชีวิตต่อไป อย่างไรก็ตามต่อมาเมื่อเร็วๆ นี้ทาง พมจ. และ เทศบาล ต.ป่าอ้อดอนชัย ได้แลกเปลี่ยนที่ดินกันทำให้ร้านกาแฟของเด็กๆ ไม่สามาถตั้งอยู่ที่เดิมได้อีก ทางโรงเรียนจึงปรับปรุงอาคารพาณิชย์ด้านหลังวัดดังกล่าวเพื่อเป็นร้านบริการนักท่องเที่ยวให้ได้เหมือนเดิม โดยจัดทำผ้าป่าการกุศลได้เงินมาซื้อที่ดิน 1 แปลงและได้รับการบริจาคจากกำนันในพื้นที่อีก 1 แปลง ซื้ออาคารพาณิชย์ 2 คูหา และคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สนับสนุนด้านอุปกรณ์โดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้สร้างศิลปะวัดร่องขุ่นก็ให้ความกรุณาไปร่วมเปิดร้านด้วย
นายกมล กล่าวด้วยว่าแต่ปรากฎว่าที่ตั้งร้านที่ไกลจากวัดทำให้นักท่องเที่ยวเดินไปไม่ค่อยถึงยอดจำหน่ายก็ลดฮวบฮาบลงโดยบางวันขายไม่ได้เลยและนานๆ ครั้งจะมีลูกค้าหลงไปซักครั้งซึ่งแม้ว่าทางโรงเรียนจะไม่มีผลกระทบเพราะไม่ได้มุ่งหวังกำไรและต้นทุนต่างๆ ก็เกิดจากการสนับสนุนจากหน่วยงานองค์กรต่างๆ แต่ก็ทำให้เด็กๆ ไม่มีรายได้และร้านก็ไม่คึกคักให้เด็กๆ ได้ฝึกฝีมือได้เหมือนเดิม ดังนั้นจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ใจบุญโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนช่วยอุดหนุนชาและกาแฟ อาหารตามสั่งหรือสินค้าเด็กพิเศษที่ร้านเชียงรายปัญญาด้วย เพื่อให้เด็กมีรายได้ทั้งระหว่างเรียนและเมื่อจบออกไปแล้วจะไม่ไม่เป็นภาระของสังคมและครอบครัวรวมทั้งไม่ต้องถึงขั้นไปเป็นขอทานด้วย โดยหากบางคนไม่ไปหาซื้อก็ไปนั่งคุยพบปะเด็กๆ ก็ได้เพื่อให้กำลังใจเด็กๆ เพราะที่ผ่านมาโรงเรียนเคยทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ใช้พื้นที่ขายจุดเดิมของ พมจ.ต่อทงเทศบาลแล้วแต่ได้รับแจ้งกลับมาว่า “ไม่อนุญาต” จึงทำให้ร้านของเด็กๆ ต้องอยู่ด้านหลังวัดร่องขุ่นดังกล่าวต่อไป
ด้าน น.ส.อรัญญา วรรณทอง อายุ 22 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียน กล่าวว่าตนมีความสามารถในการชงชาและกาแฟได้เพราะได้รับการฝึกมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งที่ผ่านมาร้านค้าของเราแทบจะไม่มีคนไปเยือนเลยและเมื่อพบว่าเริ่มมีคนไปใช้บริการจำนวนมากตนก็ดีใจมาก จึงขอเชิญชวนให้ไปช่วยอุดหนุนโดยยืนยันว่าจะให้บริการเป็นอย่างดีและรสชาดชากาแฟก็อร่อยอย่างแน่นอน.