ประชุมวิชาการนานาชาติไทย-จีน

แชร์ข่าว

ไทย-จีน  จัดประชุมวิชาการนานาชาติ พร้อมจัดการจับคู่ธุรกิจและนิทรรศการวัฒนธรรมจีน ส่วนบนเวทีเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิและบุคลากรทั้งจากภาครัฐและเอกชนของไทย จีน และนานาชาติ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้  ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2562  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ นครเชียงใหม่ ได้จัดให้มีการประชุมวิชาการนานาชาติ “International Conference Belt and Road Initiative Lancang- Mekong Cooperation:Shared Future for Sustainable Connectivity  ที่ห้องประชุมคำมอกหลวง  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จ.เชียงราย  โดยกิจกรรมมีนิทรรศการ Smart City การจับคู่ธุรกิจและนิทรรศการวัฒนธรรมจีน ส่วนบนเวทีเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นักวิจัย ผู้ทรงคุณวุฒิและบุคลากรทั้งจากภาครัฐและเอกชนของไทย จีน และนานาชาติ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็นและประสบการณ์เกี่ยวกับโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ของประเทศจีนในการสร้างเส้นทางสายไหมทางบกและเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 เชื่อมโยงกับภูมิภาคต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยกรณีของพื้นที่ภาคเหนือของไทยคือกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง

โดยการประชุมในภาคเช้ามีปาฐกถาพิเศษโดย Mr.Chen De-hai เลขาธิการศูนย์ China-ASEAN และ รศ.ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีผู้ก่อตั้ง มฟล.ที่ปรึกษา มฟล.และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานใหญ่สถาบันขงจื้อ มฟล.

ทั้งนี้ในภาคบ่ายมีการอภิปรายกลุ่มย่อยเรื่องการเชื่อมโยงอย่างยั่งยืนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเกษตรกรรม การป้องกันและควบคุมหมอกควัน โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนักวิชาการจากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์ มฟล.ผู้บริหารจาก Beijing Bodao IT Corporation และ LVYUE ฯลฯ และเรื่องอนาคตทางการค้าร่วมกัน การลงทุนและการท่องเที่ยว โดยผู้ร่วมอภิปรายมาจากศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการจากสำนักวิชาการจัดการ มฟล.และผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศจากประเทศจีน ฯลฯ รวมกันประมาณ 300 คน

Mr.เหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ นครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในปีนี้ถือว่าครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และจีนมีเป้าหมายสร้างสังคมที่ดีให้บรรลุเป้าหมายในช่วง 100 ปีแรก และผลจากช่วงแห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศที่ผ่านมาทำให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนเฉลี่ยอยู่ที่ 9.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และมีผลทำให้เศรษฐกิจโลกมีอัตราเติบโตขึ้น 30% ในช่วงหลายปี กระนั้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 นี้ จีนได้รับผลกระทบด้านการค้ากับประเทศสหรัฐอเมริกาแต่เศรษฐกิจของจีนก็ยังเติบโตขึ้นถึง 6.3% และจะเห็นได้ว่ายังคงเป็นดั่งสมอเรือที่มั่นคงอยู่และจีนยังคงเป็นดั่งผู้สนับสนุนโลกต่อไป ทั้งนี้ประเทศจีนยืนยันว่ายังคงให้ความสำคัญในการส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคงและการพัฒนา จริงใจ เป็นกันเองและซื่อสัตย์ โดยใช้นโยบายต่างประเทศในความร่วมมือระหว่างกันรวมทั้งต้อนรับประเทศต่างๆ เพื่อพัฒนาร่วมกัน

Mr.เหริน ยี่เซิง กล่าวอีกว่า สำหรับแม่น้ำโขงนั้นถือว่าอยู่ในจุดตัดของโครงการ One Belt One Road ของจีนที่ไปเกี่ยวข้องกับความร่วมมือกับอีก 5 ประเทศ ทำให้ในปี 2561 ที่ผ่านมาการค้าระหว่างกับอีก 5 ประเทศดังกล่าวมีสูงถึง 261,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และผู้คนของแต่ละฝ่ายเดินทางไปมาหากันกว่า 45 ล้านคน ก่อให้มีเที่ยวบินขึ้นถึง 2,614 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สำหรับประเทศไทยถือเป็น 1 ใน 5 ประเทศดังกล่าวที่มีความสำคัญและเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันทำให้ประเทศจีนยังคงรักษาสถานะประเทศไทยให้เป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ที่ผ่านมาไทย-จีน โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไทยที่อยู่ใกล้กันมีการขยายความร่วมมือด้านต่างๆ อยู่เสมอ และในปี 2561 ก็มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยร่วม 10.5 ล้านคน โดยจำนวนนี้เดินทางไปเที่ยวภาคเหนือมากถึง 2 ล้านคน

“ประเทศไทยมีการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจด้วยเช่นกันจึงถือว่ามีความสอดคล้องกันและทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคนี้ได้ ขณะที่ภาคเหนือก็เป็นแหล่งวัฒนธรรมและภูมิศาสตร์งดงาม มีประวัติความเป็นมายาวนาน 750 ปี ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงให้ความสำคัญต่อโครงการ  One Belt One Road เพื่อยกระดับยุทธศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่และเชียงรายให้เป็นเหมือนหัวสะพานเชื่อมต่อการขยายการพัฒนาของแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ต่อไป”Mr.เหริน ยี่เซิง กล่าว

Kao Krai News

Recent Posts