เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นประธานในการเปิดป้าย อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อรองรับการประกาศให้วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติและเพื่อรองรับการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึงหรือช่วงไฮซีซั่นในช่วงสิ้นปีนี้ โดยมี นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายกมลไชย คชชา ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนรุรักษ์ที่ 15 นายภาสกร บุญญลักษม์ รอง ผวจ.เชียงราย ตลอดจนส่วนราชการ ภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
นอกจากนี้ยังมีทางเยาวชน 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย นำโดยนายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค๊ชเอก นำทีมมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทางนายวราวุธ ได้พูดคุยและให้โอวาทในการวางตัวของทีมหมูป่าในสังคมรวมทั้งหยิบโทรศัพท์มาเซลฟี่คู่กับทีมหมูป่าไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ทั้งนี้กระทรวงทรัพย์ได้อนุมัติงบประมาณให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 400,000 บาท จัดทำป้ายอุทยานอันใหมีขึ้นบริเวณริมถนนทางเข้าไปยังที่ทำการอุทยานฯ โดยทำเป็นผาหินจำลองเทือกเขาดอยนางนอนยาว 30 เมตร สูง 5 เมตร ซึ่งมีชื่อป้ายอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนอย่างสวยงามและมีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แทนป้ายเดิมที่ยังเป็นชื่อวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนซึ่งถูกสร้างไว้บริเวณปากทางเข้าถ้ำหลวงหน้าศาลาเจ้าแม่นางนอน
หลังจากนั้นทางนายวราวุธ พร้อมคณะได้เดินทางโดยรถรางไปสักการะศาลเจ้าแม่นางนอน เข้าชมถ้ำหลวงและการปรับภูมิทัศน์โดยรอบถ้ำหลวง ซึ่งกำลังมีการปรับปรุงพื้นเพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมถ้ำหลวงได้ถึงบริเวณปากถ้ำในช่วงโถงที่ 1 โดยว่าจะเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการในช่าวงเดือนพฤษจิกายนหรือช่วงปลายปีนี้ ขณะเดียวกันทางกรมทรัพยกรน้ำบาดาลได้นำเงินกองทุนน้ำบาดาลจำนวน 6 แสนบาทมาจัดทำภูมิทัศน์บริเวณจุดที่เคยมีการเจาะน้ำบาดาลช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง ก่อนที่ทางคณะของนายวราวุธมีกำหนดที่จะเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์จ่าแซม(น.ต.สมาน กุนัน) และเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการ 23 มิถุนายน รวมใจเป็นหนึ่งเดียว และไปดูพื้นที่การปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสระมรกต ขุนน้ำนางนอน เพื่อพัฒนารองรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซี่ซั่นนี้ต่อไป
โดยนายวราวุธ กล่าวว่าพื้นที่ถ้ำหลวงไม่เพียงแต่เป็นเพียงถ้ำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นอนุสาวรีย์เป็นศูนย์รวมของความสามัคคีหมูมวลมนุษยชาติ ไม่เฉพาะคนไทย 67 ล้านคนเท่านั้นแต่เป็นของคนทั้งโลก ต่อไปนี้ทางอุยานจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะอนุรักษ์และรักษาสภาพให้คงอยู่ ปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเข้าดูถ้ำต่อครั้งต่อวันจะมีปริมาณเท่าไหร่จะต้องทำการศึกษาและคำนวนให้ดี เพราะสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าเป็นถ้ำหรืออุทยานจะมีจุดอิ่มตัว หากคนมากเกินไปก็ไม่น่ามาเยี่ยมชมความสวยงามจะหมดไป ซึ่งการจะเปิดถ้ำหลวงในช่วงปลายปีนี้จะต้องจำกัดจำนวนผู้เข้าชมด้วยและอนุรักษ์แต่ขณะเดียวกันก็ควบคู่ไปกับการพัฒนาให้มีความสมบูรณ์ประชาชนโดยจะต้องได้ประโยชน์สามารถทำมาหากินได้ ถ้ำหลวงไม่จำเป็นต้องพัฒนาให้ทันสมัย มีถนนลาดยางหมด มีความสะดวกสบายหมด เชื่อว่านักท่องเที่ยวทั่วไปอยากเห็นถ้ำหลวงสภาพเดิมๆเป็นเช่นไรมากกว่า