Categories: ข่าว

ส่งไก่สดครั้งแรกผ่านแม่น้ำโขงไปยังจีนล็อตแรก14ตู้มูลค่า35ล้านบาท

แชร์ข่าว

เมื่อเวลา10.00น. วันที่28มีนาคม2561 นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีปล่อยตู้คอนเทนเนอร์บรรจุผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกเที่ยวปฐมฤกษ์ไปยังท่าเรือกวนเหล่ยซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านในแม่น้ำโขงของประเทศจีน ตั้งอยู่มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ห่างจาก อ.เชียงแสน ประมาณ 263 กิโลเมตร โดยมีนายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่ประเทศจีนประจำ จ.เชียงใหม่ นายแพทย์อนันต์ ศิริมงคลเกษม นายสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย นายพินิจ แก้วจิตคงทอง นายอำเภอเชียงแสน ผู้บริหารท่าเรือแห่งประเทศไทย พร้อมภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ทั้งนี้ไก่แช่แข็งมีจำนวน 14 ตู้คอนเทนเนอร์ ตู้ละประมาณ 27 ตัน มูลค่ารวมกันทั้งหมดประมาณ 35 ล้านบาทโดยสินค้าไก่แช่แข็งดังกล่าวจะถูกขนส่งไปด้วยเรือสินค้าแม่น้ำโขงซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรือสัญชาติจีนที่ถูกออกแบบใหม่ให้ใช้บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นโดยเฉพาะเพื่อนำไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือกวนเหล่ยและกระจายไปยังตลาดของจีนต่อไป ซึ่งพิธีสร้างความยินดีให้กับทุกฝ่ายเนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่เคยส่งออกในระบบไปยังประเทศจีนเป็นเวลานาน

ขณะที่ตลาดจีนมีความต้องการสูงและกลุ่มผู้ค้าในประเทศไทยก็ต้องการการส่งออกไปยังจีนตอนใต้อย่างมากเช่นกันทำให้มีการเตรียมเรือสินค้าขนาดใหญ่รองรับคอนเทนเนอร์ห้องเย็นในแม่น้ำโขง โดยถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าเรือสินค้า ระวางบรรทุก 568 ตัน ยาว 61 เมตร กว้าง 9.50 เมตร กินน้ำลึกแค่ 2 เมตร สามารถบรรทุกคอนเทนเนอร์ได้ถึง 15 ตู้แต่ช่วงฤดูแล้งนี้บรรทุกได้เฉลี่ยแค่ประมาณ 5-6 ตู้โดยมีไว้รองรับสินค้าประเภทนี้โดยเฉพาะ

นายนิวัติ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไก่เนื้อเป็นสินค้าที่ถูกส่งออกที่มีมากกว่าร้อยละ 85 ในกลุ่มสินค้าปศุสัตว์ทั้งหมด ทำให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสัตว์ปีกและสมาคมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพัฒนาคุณภาพมาตรฐานอย่างต่อเนื่องจนได้รับการยอมรับในระดับโลกและปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่รายใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากบราซิลและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หลายประเทศยังอนุญาตให้โรงงานผลิตเนื้อไก่ดิบสดแช่แข็งและเนื้อไก่ปรุงสุกของไทยส่งออกไปสู่ตลาดโลกได้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สหภาพยุโรป รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียน สำหรับประเทศจีนนั้นเดิมไทยส่งออกสินค้าประเภทนี้ไปมากแต่เนื่องจากในปี 2547 เกิดโรคไข้หวัดนกระบาดจึงได้หยุดส่งออกไปนานร่วม 10 กว่าปี กระทั่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายส่งเสริมการส่งออกและกรมปศุสัตว์ได้เชิญคณะผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนมาตรวจสอบการผลิตในโรงงานของไทยจำนวน 19 แห่งแล้วมีความพึงพอใจ จึงมีข้อตกลงในการกลับมาส่งออกอีกครั้งดังกล่าวซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก

ด้านนายสัตวแพทย์สมชวน กล่าวว่าในครั้งนี้ทางการจีนได้รับรองโรงเชือดสัตว์ปีกในไทยแล้วจำนวน 7 แห่ง ทำให้ไทยสามารถส่งออกเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการได้เป็นครั้งแรก และนับจากนี้ก็จะมีการส่งออกต่อไปอย่างต่อเนื่อทำให้จะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละกว่ามูลค่า 7,000 ล้านบาท แต่หากในอนาคตมีโรงงานที่ผ่านการประเมินและสามารถส่งออกได้ครบทั้ง 19 แห่ง ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของประเทศไทยประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปีต่อไป///////

Kao Krai News

Recent Posts