มูลนิธิหมอเสมฯ ระดมอดีตข้าราชการ และตัวแทนหลายภาคส่วน และเยาวชน หาวิธีให้โลกหยุดแข่งแสนยานุภาพทางทหาร
วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัชวาลย์ พริ้งพวงแก้ว ประธานมูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว พร้อมด้วย นายธานินทร์ สุภาแสน อดีตผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองเชียงราย ตัวแทนนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ร่วมกันเปิดตัวโครงการ “โลกนี้ โลกหน้า..โลกใหม่” ที่ห้องสมุดเสมสิกขาลัย มูลนิธิหมอเสม พริ้งพวงแก้ว อ.เมือง จ.เชียงราย
โดยโครงการมีการแบ่งกลุ่ม ออกเป็น 15 กลุ่ม เพื่อวิเคราะห์เพื่อแก้ไขสถานการณ์โลกในปัจจุบัน เช่น การหยุดแสนยานุภาพทางอาวุธและลดหรือเลิกสร้างแสนยานุภาพ หยุดเศรษฐกิจสงครามโดยเฉพาะยูเครน-เมียนมา-ไต้หวัน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในแต่ละกลุ่ม เช่น พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) อาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นางรสนา โตสิตระกูล นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า สถานการณ์โลกในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องที่น่ากลัวและอาจจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ได้ หรือมองแต่นัยหนึ่งคือโลกกำลังจะเดินไปสู่ทาง 2 แพร่ง คือ หนทางสู่ความรุ่งเรืองและสันติสุข และหนทางสู่หายนะ เพราะมีประเทศที่ต่างแข่งขันกันมีแสนยานุภาพและเมื่อมีการกระทบกระทั่งกันก็ทำให้เกิดปัญหาไปทั่วโลกทั้งน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคา อาหารและสิ่งของต่างๆ ก็มีราคาแพงขึ้นโดยผลกระทบตามกันมาเป็นลูกโซ่ดังนั้นเรื่องที่ดูเหมือนไกลตัวในอดีตจึงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวในยุคปัจจุบัน ดังนั้นมูลนิธิจึงได้ดำเนินโครงการนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในการระดมสมองเพื่อวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาดังกล่าวและผลที่ได้ก็จะนำไปขยายผลเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีต่อไป
นายธานินทร์ กล่าวว่า คนรุ่นตนและใกล้เคียงกันคงจะมีชีวิตอยู่อีกไม่นานดังนั้นการที่พวกเรากลับมาทำงานร่วมกันครั้งนี้ก็เพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ ตนจึงอยากให้องค์ความรู้ที่ได้นำไปขยายผลและหากเป็นไปได้ให้ผลักดันเข้าสู่กระบวนการศึกษาเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ เพราะคนรุ่นใหม่ต้องทำความเข้าใจหลายๆ เรื่องทั้งด้านการเมืองโลก การเมืองการปกครอง ธรรมชาติ ฯลฯ ทั้งนี้นอกจากเรื่องของโลกแล้วยังเกี่ยวข้องกับเรื่องของบ้านเมืองไทย เช่น กรณีมีผู้เรียกร้องให้ยุบการปกครองระดับอำเภอและตำบลเพราะเห็นว่าซ้ำซ้อนกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ ซึ่งตนขอบอกว่าการปกครองเดิมนั้นก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 และมีผู้ดำรงค์ตำแหน่งเข้าทำงานหนักเพื่อประชาชนแต่ผู้ที่เรียกร้องกลับไม่ได้มีความรู้เรื่องการทำงานของเขาเลย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้คนรุ่นใหม่ต้องรู้เท่าทัน.