วันที่ 18 พ.ย.66 ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังแรก) ถนนสิงหไคล อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ทางศูนย์วิชาการ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดการเสวนา “ศาลากลางเชียงรายหลากหลายเรื่องเล่า” โดยมี รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง หัวหน้าพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง มฟล.ดำเนินรายการและมีนายฐิติวัตร โลศิริพันธุ์ ผู้แทน อบจ.เชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรม จ.เชียงราย อาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง นายศุภชัย สิทธิเลิศ พิพิธภัณฑ์โองหลวงแสงแก้ว น.ส.กฤติยา กาวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์งานแสดงศิลปะนานาชาติ ไทยแลนด์ เบียนนาเล เชียงราย 2023 และอาจารย์อภิขิต ศิริชัย นักวิชาการอิสระร่วมเสวนา
รศ.ดร.พลวัฒ กล่าวว่าศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังแรก) เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในช่วงคริสศตวรรษที่ 19 โดยมีความทันสมัยของโลกตะวันตกที่อยู่ตรงศูนย์กลางของเมือง และเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์เคยเสด็จพระราชดำเนินในงานเบียนนาเลที่ประเทศอิตาลีถึง 2 ครั้งด้วย จึงถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีมากที่ได้การจัดเสวนา ณ สถานที่แห่งนี้
อาจารย์อภิชิต กล่าวว่า ในอดีตเชียงรายขึ้นกับสยามภายใต้การปกครองของเชียงใหม่อีกชั้นหึ่ง กระทั่งมีพัฒนาการจนได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดเมื่อปี 2458 ดังนั้นการที่มีข้อความเขียนตรงอาคารศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังเก่า) ว่าปี 2443 ตนจึงเห็นว่าขัดแย้งเพราะตอนนั้นยังเป็นจังหวัดพายัพเหนือและขึ้นกับเชียงใหม่อยู่ ส่วนปี 2443 เป็นปีแรกที่นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ แพทย์ชาวอเมริกัน มาถึงเชียงราย จึงเชื่อว่ายังไม่มีอาคารหลักนี้แน่นอน ส่วนหลักฐานที่พบคือปี 2445 เจ้าหน้าที่ตรวจราชการแผ่นดินจากส่วนกลางเข้าไปตรวจพื้นที่และเข้าพบข้าหลวงและเจ้าเมืองจนพบว่าที่ทำการเดิมของผู้บริหารเมืองเชียงรายทรุดโทรม
จึงจะสร้างสถานที่แห่งใหม่แต่มีไม้ไม่เพียงพอจึงแสดงว่าปี 2443 ต่อมาปี 2453 จะมีการสร้างโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊คในเชียงรายก็ได้แจ้งไปยังสหรัฐอเมริกาว่าในเชียงรายยังไม่มีอาคารใดใหญ่โตเลย จนถึงปี 2457 ก็มีหลักฐานจากชาวต่างชาติว่ายังไม่มีการก่อสร้าง กระนั้นมีศาลากลางจังหวัดที่เหมือนกันหรือเป็นคู่แฝดที่ จ.นครพนม ตนจึงสันนิฐานว่าที่ จ.เชียงราย สร้างพร้อมกันในปี 2458 แต่ก็ยังเกิน 100 ปีกระนั้นก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะตรวจว่าสร้างเมื่อไหร่ต่อไป ส่วนในอนาคตตนเห็นว่าควรพัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองและหอจดหมายเหตุ เพราะปัจจุบันการหาข้อมูลประวัติศาสตร์ทำได้ยากเพราะทุกวันนี้หากจะหาต้องเดินทางไปที่กรุงเทพฯ และหาได้ยากอีกด้วย นอกจากนี้สามารถเป็นสถานที่เก็บรวมรวมโบราณวัตถุหลักฐานต่างๆ ได้อีกด้วย
น.ส.กฤติยา กล่าวว่า ถึงแม้จะมีข้อถกเถียงว่าศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังแรก) สร้างขึ้นเมื่อปีใด แต่ก็สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 โดยมีความทันสมัยแตกต่างจากในอดีต รวมทั้งมีอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ด้วย จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของ จ.เชียงราย ได้ต่อไป
นายพิสันต์ กล่าวว่าอาคารศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังแรก) ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนานและเคยใช้ถวายการรับใช้รัชกาลที่ 6 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กระทั่งปี 2545 มีการขยายกระทรวงเป็น 20 กระทรวง ก็ได้เป็นสำนักงานวัฒนธรรม จ.เชียงราย แห่งแรกโดยใช้อาคารชั้น 1-2 เป็นสำนักงาน ต่อมาเมื่อย้ายไปอยู่ที่อื่นทาง อบจ.เชียงราย ได้ขอใช้พื้นที่และพัฒนาจนสามารถใช้จัดกิจกรรมต่างๆ ปัจจุบันเหลืออาคารลักษณะนี้ในประเทศไทยเพียง 2 หลังคือที่ จ.เชียงราย และ จ.นครพนม เท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับศาลากลาง จ.เชียงราย (หลังแรก) ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยมีการบันทึกว่าสร้างขึ้นเมื่อปี 2443 หรือมีอายุได้กว่า 123 ปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังมีข้อความด้านหน้าอาคารระบุว่าสร้างในปีดังกล่าว ทั้งนี้อาคารออกแบบโดยนายแพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูนสูง 3 ชั้นที่มีความงดงามและทันสมัย หลังจากที่ จ.เชียงราย ได้ย้ายไปสร้างศาลากลางจังหวัดแห่งใหม่อีกหลายแห่ง จ.เชียงราย ก็ยังคงอนุลักษ์เอาไว้และทาง อบจ.เชียงราย เข้าไปใช้พื้นที่และปรับปรุงพัฒนาจนถึงปัจจุบัน…
งานพ่อขุนเม็งรา…
วันที่ 18 ธันวา…
สถานคุ้มครองสวั…
เมื่อวันที่ 15 …