มฟล.ร่วมศิลปิน-นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นร่วม”เปิดความลับ”เมืองเชียงแสน ในงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์ เบียนนาเล่ เชียงราย 2023
วันที่ 4 ม.ค.2567 ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย รศ.ดร.พลวัฒ ประพัฒน์ทอง หัวหน้าโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานเปิดกิจกรรมเสวนาเรื่อง “ความลับของเชียงแสน (The secret of Chiang Saen) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ไทยแลนด์ เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 โดยมีศิลปินที่สร้างสรรค์ผลงานในเชียงแสนและนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเสวนาด้วยการอธิบายถึงการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะของชาวเชียงแสนในอดีต ฯลฯ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังครบครัน
รศ.ดร.พลวัฒ กล่าวว่า เชียงแสนมีการจัดกิจกรรมทางศิลปะในมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติหลายแห่ง คือ ศูนย์ดิติทัลชุมชน ต.เวียงเชียงแสน โบราณสถานหมายเลข 16 (ในเมือง) โกดังห้วยเกี๋ยง บนถนนสายเชียงแสน-สามเหลี่ยมทองคำ วัดป่าสัก พิพิธภัณฑแห่งชาติเชียงแสน ฯลฯ โดยบางเรื่องจัดทำในรูปแบบภาพยนตร์ บางเรื่องเป็นภาพแผนที่ที่มีข้อความต่างๆ และภาพวาดตามจินตนาการของศิลปิน ฯลฯ เพราะเชียงแสนมีความลับที่สลับซับซ้อนดังนั้นจึงมีการนำเสนอในรูปแบบศิลปะดังกล่าว
ทางด้าน ดร.เพ็ญสุภา สุขคตะ นักประวัติศาสตร์ศิลปะและนักวิจารณ์ศิลปะ กล่าวว่า สิ่งที่บ่งบอกถึงการพัฒนาศิลปะในเชียงแสน คือ การสร้างเจดีย์วัดปาสัก ต.เวียง อ.เชียงแสน ในยุคของพญาแสนภู ซึ่งเป็นพระราชนัดดา (หลานของ) ของพญามังรายหรือพ่อขุนเม็งรายมหาราย โดยเป็นกษัตริย์ล้านนาองค์ที่ 3 โดยได้สร้างเจดีย์วัดป่าสักให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบ่งเป็น 3 ส่วนคือส่วนฐานล่างมีพระพุทธรูปปางยืน 3 องค์สลับกับเทวดาที่ขนาบซ้ายและขวา และส่วนกลางมีพระพุทธรูปทั้ง 4 ด้าน ขณะที่ส่วนบนสุดเป็นเจดีย์ทรงระฆัง ซึ่งจากลักษณะของศิลปะทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าพญาแสนภูนำศิลปะจากหลายอาณาจักรมาพัฒนาปรับปรุงให้เป็นศิลปะเชียงแสนโดยตัดทอนบางอย่างและเพิ่มบางอย่างในแต่ละช่วงของเจดีย์
บางอย่างปรับเลี่ยงศิลปะของนิกายมหายาน เช่น ฐานเจดีย์ที่เคยมี 5 ชั้นตามลัทธิมหาชนก็พัฒนาเหลือแค่ชั้นเดียว ฯลฯ เจดีย์ยังมีเทวดารอบซึ่งมีลักษณะเหมือนศิลปะศรีสัชนาลัย พระพุทธรูปเป็นปางเปิดโลกและมีปางลีลา 1 องค์ มีส่วนประดับฐานเจดีย์หรือสถูปิกะเป็นสิงห์ทั้ง 4 มุม เป็นศิลปะผสมระหว่างพุกามและหริภุญไชย มีมกรที่เป็นสัตว์ในจินตนาการที่ผสมระหว่างจระเข้และช้างซึ่งในอินเดียมีเพียงมกร แต่ตามสถานที่อื่นมกรจะคายเฉพาะสัตฯชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่ที่วัดป่าสักออกแบบให้มกรคายสิงห์ คายนกหัสดีลิงค์ คายนาค และยังมีครุฑอยู่คู่กันด้วย ฯลฯ คาดว่าเกิดจากการที่พญาแสนภูเมื่อครั้นยังเยาว์วัยทรงอยู่ที่ลำพูนนานถึง 2-3 ปี จึงได้เรียนรู้และนำมาพัฒนาเป็นศิลปะที่เชียงแสนที่มีความงดงามและได้สัดส่วน ซึ่งศิลปะยุคต้นล้านนาเช่นนี้ถือว่าหาได้ยากมากและเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งโดยหนึ่งในนั้นคือที่วัดป่าสัก
“สรุปความลับของวัดป่าสักเชียงแสนคือเป็นสถาปัตยกรรมที่รวบรวมสถูปหลากหลายรูปทรงมาไว้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งสถูปทรงปิรามิด ทรงปราสาทเจดีย์ทรงระฆังห้ายอด เป็นการหลอมรวมงานศิลปกรรมของสกุลต่างๆ มาใช้ได้อย่างแยบยลในลักษณะเลือกรับและปรับใช้ ไม่ได้ลอกเลียน ทั้งจากศิลปะหริภุญไชย พุกาม สุโขทัย ขอม ลังกา ฯลฯ” ดร.เพ็ญสุภา กล่าว
อาจารย์ภูเดช แสนสา นักประวัติศาสตร์ล้านนา กล่าวว่า เชียงแสนเป็นเมืองที่น่าสนใจเพราะนับตั้งแต่สถาปนาตั้งแต่ พ.ศ.1871 เป็นต้นมา ก็กลายเป็นเมืองที่เผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ ไปทั่วภาคเหนือจนถึงเมืองศรีคิ้ว แม้แต่เมื่อเมืองถูกตีแตกและประชากรถูกเทครัวไปยังเมืองต่างๆ ในภาคเหนือ ชาวเชียงแสนในอดีตก็นำฝีมือช่างและอื่นๆ ติดตามไปเผยแพร่ด้วยโดยปรากฎให้เห็นหลักฐานตามสถานที่ต่างๆ เช่น ที่ จ.แพร่ ลำปาง เชียงใหม่ ฯลฯ โดยเป็นสิ่งปลูกสร้าง การจดบันทึกซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวเชียงแสนมีการจดบันทึกอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ที่ถูกเทครัวไปอยู่เมืองศรีคิ้วก็บันทึกข้อมูลเป็นภาษาล้านนาหรือคำเมืองให้ได้เห็นอยู่ นอกจากนี้ยังมีช่างเหล็กที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษชาวเชียงแสน ผ้าลายตีนจกซึ่งแพร่หลายไปตามพื้นที่ต่างๆ แม้แต่พระพุทธรูปที่งดงามก็เป็นศิลปะเชียงแสน ฯลฯ.
งานพ่อขุนเม็งรา…
วันที่ 18 ธันวา…
สถานคุ้มครองสวั…
เมื่อวันที่ 15 …