จับต่อเนื่อง ผู้ว่าฯ เชียงรายสั่งตรวจร้านบุหรี่ไฟฟ้าเดิมเปิดอีกซ้ำซาก เปลี่ยนทำทีขายน้ำหอม-ปิดประตูม้วนรับเฉพาะลูกค้าออนไลน์-เงินโอน เจอคาหนังคาเขานับ 1,000 ชิ้น ดำเนินคดีคนดูแล 7 คน เจ้าของยังล่องหน
วันที่ 15 พ.ค.2567 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ ปลัดจังหวัดเชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย ร่วมกับนายกองรบ กระทุ่มนัด ป้องกัน จ.เชียงราย นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อาสารักษาดินแดน (อส.) และตำรวจ เข้าตรวจสอบที่ร้านแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่หมู่ 11 ต.สันทราย อ.เมืองเชียงราย
หลังจากเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดจัดระเบียบสังคม จ.เชียงราย ได้เข้าตรวจค้นและจับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ในร้านแห่งนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งและดำเนินคดีกับคนดูแลร้าน 1 คน
อย่างไรก็ตามยังคงมีผู้ปกครอง บุคลากรทางการศึกษา และประชาชนจำนวนมาก ร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่ว่าร้านเดิมแห่งนี้ ยังคงเปิดจำหนายจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์โดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบภายนอกพบร้านมีการติดต่อทางออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก กลุ่มไลน์ และสื่อสาธารณะต่างๆ จนเป็นที่รับรู้กันในวงการ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าไปตรวจสอบที่ร้านพบด้านหน้าวางจำหน่ายน้ำหอม แต่ภายในมีสินค้าประเภทบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์เช่นเดิม โดยมีคนดูแลร้านคนใหม่จำนวน 2 คน
เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลไปตรวจสอบอีก 1 สาขาของร้านดังกล่าว ในเมืองเชียงราย พบมีดูแลร้านจำนวน 1 คน และพบพฤติกรรมพร้อมของกลางในการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์เหมือนกันด้วย
นอกจากนี้วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลไปตรวจสอบอีกร้าน ที่ตั้งอยู่ ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย ด้วย เพราะมีลักษณะพิรุธเพราะด้านนอกร้านปิดประตูม้วนเอาไว้มิดชิด แต่มีคนเข้าไปหาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงพบคนขายเปิดประตูและสอบถามว่าจะซื้อบุหรี่ไฟ้ฟ้าหรือไม่ด้วย เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นพบของกลางเป็นจำนวนมาก เมื่อรวมทั้ง 3 ร้านพบของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์ น้ำยา และอุปกรณ์อื่นๆ กว่า 1,000 ชิ้น มูลค่าหลักแสนบาท
ตรวจสอบการรับและจ่ายเงินของแต่ละร้านพบมีรายได้วันละหลายหมื่นบาท บางร้านรับเฉพาะเงินโอนไม่รับเงินสดด้วย แต่ทุกร้านมีลักษณะเหมือนร้านที่เจ้าหน้าที่เคยดำเนินคดีคือจะไม่ทราบเจ้าของที่แท้จริง เพราะจะติดต่อว่าจ้างคนให้ดูแลร้านและส่งของไปให้ร้านด้วยระบบออนไลน์
เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหาคนดูแลร้านทั้ง 3 แห่ง รวมจำนวน 7 คนในข้อหา “ได้มีการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดกฎหมายฯ ซึ่งมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาร่วมค่าอากรหรือทั้งจำทั้งปรับ,ขายสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าฯ ซึ่งมีระวางโทษ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.