ส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการ ออกร้านจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์

วันที่ 12 กรกฎาคม 2567 นางสุภาพรรณ  หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  เป็นประธาน เปิดงานส่งเสริมผ้าทอและผ้าพื้นถิ่น ด้วยอัตลักษณ์จังหวัดเชียงราย  ที่ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก ( ลาน ร.5)   เพื่อเปิดพื้นที่ส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์ผ้าทอและผ้าพื้นถิ่นของจังหวัดเชียงราย  ให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สนับสนุนการท่องเที่ยว เพิ่มรายได้และกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและชุมชน โดยมีนางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย  กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และประชาชน เข้าร่วม ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 –14 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.30 น. ของทุกวัน มีผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย ในจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 31 บูท

ทั้งนี้ตามที่รัฐบาลได้กำหนดนโยบายสร้างรายได้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศส่งเสริมการสร้างงานสร้างรายได้แก่ชุมชนการส่งเสริมช่องทางการตลาดภายใต้การทำงานแบบบูรณาการ  เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นรูปธรรมโดยสนับสนุนการพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อสร้างเอกลักษณ์และการผลิตสินค้าในท้องถิ่นการสนับสนุนให้ชุมชนใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผนวกกับองค์ความรู้สมัยใหม่ เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการ การเข้าถึงและทุน และการตลาดเชิงรุกจังหวัดเชียงรายมีผู้ผลิต ผู้ประกอบการและช่างทอผ้าที่อพยพและอาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมากและยังคงดำเนินวิถีชนบทอย่างเข้มแข็งประกอบอาชีพด้วยการทอผ้าจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับตนเองครอบครัวและชุมชนสืบทอดภูมิปัญญาศิลปะ วัฒนธรรมและประเพณีมาอย่างต่อเนื่อง
 

สำหรับโครงการส่งเสริมผ้าทอและผ้าพื้นถิ่นด้วยอัตลักษณ์จังหวัดเชียงราย  เป็นการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวตลอดปี  เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายฟื้นตัว  และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดเชียงรายได้อย่างยั่งยืนพร้อมกับช่วยกระจายรายได้อย่างทั่วถึงสร้างโอกาสและช่องทางส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยว เชื่อมโยงภายในจังหวัด สู่การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค หรือนานาชาติโดยการรองรับกระแส (Trend) เทรนการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับสภาวการณ์การท่องเที่ยววิถีใหม่ในปัจจุบัน