เมื่อวันที่15สิงหาคม2561 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานโครงการธงฟ้าประชารัฐโดยใช้แอพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” ในการชำระค่าสินค้าจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมีนายพัฒนพงษ์ โพธิ์เกตุ นายกเทศมนตรี ต.บ้านดู่ ที่ตลาดสดบ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย โดยตลาดดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ 2 งาน 30 ตารางวา มีแผงขาย จำนวน 537 แผง อาคารพาณิชย์ 22 ห้อง ปัจจุบันมีร้านค้าบางร้านที่เริ่มใช้แอปพลิเคชั่นถุงเงินประชารัฐดังกล่าวแล้ว แต่มีจำนวนมากที่ยังไม่ได้ใช้ซึ่งทางนายสนธิรัตน์ ได้เชิญชวนให้สมัครทางโทรศัพท์มือถือเพื่อการพัฒนาธุรกิจและยกระดับการค้าให้สามารถขยายกิจการได้ในอนาคตได้
โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พื้นที่ จ.เชียงราย มีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้รับการสนับสนุนเดือนละ 200-300 บาท จำนวนประมาณ 327,990 ราย ซึ่งสามารถเข้าไปซื้อสินค้าในร้านค้าที่ลงทะเบียนร่วมโครงการประมาณ 675 ร้าน แต่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะใช้บัตรได้เฉพาะร้านค้าที่เครื่องเท่านั้น หรือร้านค้าที่สมัครร่วมโครงการ ทำให้ร้านค้าอื่นที่ไม่เข้าร่วมโครงการเสียโอกาสนั้นทันที จึงอยากให้ทุกร้านค้าเข้าร่วมโครงการนี้ การใช้จ่ายบัตรก็จะได้กระจายเงินไปได้ทุกร้านนั้นเอง
ทั้งนี้ผลดีของการใช้แอปพลิเคชั่นนี้คือทำให้กระทรวงพาณิชย์สามารถเข้าส่งเสริมร้านค้าต่างๆ ดังกล่าวได้สะดวก สามารถตรวจสอบคลังหรือสต็อคสินค้าในร้านนั้นๆ ได้ว่าสินค้าใดขายไปแล้ว คงเหลือสินค้าใดและจำเป็นต้องเพิ่มสินค้าใด ทำให้เกิดการค้าที่ทันสมัย ลดต้นทุนและกิจการก็จะเข้มแข็งขึ้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาร้านค้าเล็กๆ สู้รายใหญ่ไม่ได้เพราะต่างคนต่างค้าขายไม่ได้รวมตัวกัน แต่โครงการนี้ จะช่วยทำให้รวมตัวกันโดยมีกระทรวงพาณิชย์ดูแล สามารถตรวจสอบชนิดสินค้าใหม่ๆ เพื่อป้อนตลาดในโครงการหรือจัดหารวมทั้งส่งสินค้าไปให้ซึ่งช่วยลดต้นทุน โดยล่าสุดได้ร่วมกับไปรษณีย์ไทยเพื่อขนส่งสินค้าได้ทั่วไทยโดยสะดวกอีกด้วย
“พ่อแม่ค้าแม่ค้าอาจคิดว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ไม่ใช่เรื่องยากเลยเพียงแค่ดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นในมือถือแล้วก็สามารถใช้ได้เลย โดยเมื่อถึงเวลาซื้อขายผู้ถือบัตรวสวัสดิการแห่งรัฐก็ไปที่ร้านที่เข้าร่วมโครงการนี้ได้เลย”
สำหรับภาพรวมของประเทศขณะนี้มีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 11.4 ล้านราย และกำลังขอเพิ่มอีกประมาณ 4 ล้านกว่ารายทำให้ในอนาคตจะมีรวมกันประมาณ 15 ล้านราย แต่ละเดือนจะมีวงเงินที่ใส่รัฐบาลใส่เข้าไปในบัตรรวมกันประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากและหากร้านค้าไม่เข้าร่วมแอพลิเคชั่นนี้ก็จะทำให้เสียโอกาสได้ดังนั้นจึงผลักดันให้มีร้านค้ารายย่อยเข้าร่วมทั้งประมาณให้ถึง 200,000 รายต่อไป////