เมื่อวันที่13กันยายน 2561 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสุขชัย เจรียงประเสริฐ เกษตรจังหวัดเชียงราย นายนาวิน อินทจักร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงราย นายธีรวัฒน์ วงศ์วรทัต นายกสมาคมกาแฟและชาไทย ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “เชียงราย อาเซียน คอฟฟี แอนด์ ที 2561″ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้น ณ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 21-23 ก.ย.นี้ โดยจะมีการสาธิตการชงชาโดยแชมป์ชงชาไทยระดับประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และชิมกาแฟชนะเลิศอันดับ 1 ของประเทศไทย ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย บอกว่า เชียงรายถือเป็นแหล่งปลูกกาแฟอะราบิก้าที่มากที่สุดในประเทศไทยและยังเป็นแหล่งปลูกที่ดีที่สุดอีกด้วย ทำให้ทางจังหวัดกำลังจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนทั้งหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสมาคมกาแฟและชาไทย จะผลักดันให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งชาและกาแฟอย่างยั่งยืน และหลังจากที่เคยมีการจัดงานนี้ในระดับจังหวัดไปแล้ว เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาแล้วประสบความสำเร็จด้วยจึงได้ทำการจัดงานในระดับประเทศดังกล่าว เพราะเมื่อเมื่อประชาชนและนักท่องเที่ยวทั่วประเทศได้ชิมและชมผลิตภัณฑ์ก็จะเดินทางไปเยือนพื้นที่โดยเฉพาะในฤดูหนาวนี้ได้ต่อไป
นายสุขชัย เจรียงประเสริฐ เกษตรจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เชียงรายมีแหล่งปลูกกาแฟอะราบิก้ารวมกันประมาณ 38,000 ไร่ ผลผลิตประมาณ 4,355 ตัน ส่วนชามีประมาณ 53,436 ไร่ ผลผลิตประมาณ 32,010 ตัน พื้นที่มีความโดดเด่นด้วยหลายขุนเขาทำให้แต่ละแห่งมีอัตลักษณ์ของผลผลิตแตกต่างกันไปและล้วนมีความเหมาะสมในการปลูกทั้งสิ้น ที่่ผ่านมาภาครัฐได้น้อมนำแนวทางตามพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จย่าที่ทรงวางรากฐานเอาไว้นานมากกว่า 30 ปีและส่งเสริมธรรมชาติของป่าไม้เพราะกาแฟเป็นพืชที่ปลูกร่วมกับผืนป่าได้ในการพัฒนา กระทั่งปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญและพื้นที่ปลูกที่ให้ผลผลิตดังกล่าว ดังนั้นภายในงานจึงจะมีนิทรรศการ สาธิตการชงชาและกาแฟรูปแบบต่างๆ การนำกาแฟจากแหล่งผลิตที่เรียนกว่า Bean Belt หรือเข็มขัดกาแฟจาก 5 ประเทศมาให้ชิมกันซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจากเชียงราย
นายนาวิน อินทจักร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูงจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เชียงรายมีแหล่งปลูกกาแฟหลากหลาย เช่น ดอยวาวี ดอยช้าง อ.แม่สรวย ดอยปางขอน อ.เมือง และยังมีที่ อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย ฯลฯ แต่ละแห่งล้วนมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเองดังนั้นภายในงานจึงจะมีการจัดแสดงเรื่องราวของแต่ละขุนเขาเพื่อให้ผู้คนได้รับทราบความหลากหลายของแหล่งชาและกาแฟเชียงรายดังกล่าวด้วย
นายธีรวัฒน์ วงศ์วรทัต นายกสมาคมกาแฟและชาไทย กล่าวว่า ภายในงานยังจะมีการจัดแสดงและให้ชิมกาแฟเลิศรสที่เก็บในคืนพระจันทร์เต็มดวงหรือคอฟฟี่ ฟูล มูน ด้วยซึ่งถือเป็นสินค้าราคาแพงจำหน่ายกันกิโลกรัมละ 20,000-30,000 บาท รวมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารที่เป็นเมนูแปรรูปจากใบชาที่แปลกตาและเป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่ด้วย.
///